วันที่ 3 - ช้อปปิ้งและกินของอร่อยที่ Shinjuku ภาคบ่ายนั่งชินคังเซนเที่ยว Shizuoka เมืองแห่งชาเขียว

ในย่านดาวน์ทาวน์แบบนี้ ที่ดินแพงมากๆ ออฟฟิศต่างๆจะใช้ที่จอดรถแบบอัตโนมัติ เพื่อประหยัดพื้นที่

เดินมุ่งหน้าไปยังสถานีชินจูกุเหมือนเดิม ร้านอาหารต่างๆจะอยู่บริเวณสถานีเพียบ ตอนนี้เราอยู่ตรงด้านทิศใต้ของชินจูกุอยู่นะคับ

เดินบนถนนมาเรื่อยๆ เที่ยวนี้ไม่ได้ลงใต้ดินนะ บริเวณโดยรอบสถานีที่เรียกว่าคนเยอะที่สุดในญี่ปุ่นก็ว่าได้ยังสะอาดขนาดนี้ หาขยะตามพื้นแทบไม่เจอ

วันนี้มีการหาเสียงของส.ส.ญี่ปุ่น คนเยอะมากๆ

เดินมาเรื่อยๆ ตัดสถานีออกมาทางฝั่งตะวันออก ก็มาเจอร้านราเมนเล็กๆอยู่ร้านนึง ลองตัดสินใจเข้าไปกินดูครับ

ทั้งร้านมีพ่อครัวคนเดียว แต่จะสั่งอาหารได้ต้องเดินไปซื้อตั๋ว หรือพูดง่ายๆก็คือต้องไปออเดอร์ผ่านเจ้าเครื่องอัตโนมัตินี้ก่อน อยากกินอะไรก็กดปุ่มเอา แล้วก็หยอดเงินเข้าไป จากนั้นเราจะได้ตั๋วมา เราก็เอาไปยื่นก็พนักงานครับ

สำหรับคนที่ไม่รู้ภาษาญี่ปุ่นเลย อาจจะลำบากในการใช้งานเครื่องนี้สักนิดนึงครับ แต่ก็อาศัยดูรูปที่ติดไว้เล็กๆตรงปุ่มดูได้ ปุ่มด้านล่างที่ไม่มีรูปจะเป็นพวก topping เช่นเพิ่มหอมซอย เพิ่มหมู เพิ่มไข่ แต่แนะนำว่าไม่ตรงเพิ่มก็ได้ เพราะที่ให้มาก็กินจะไม่หมดแล้ว

ผมสั่งราเมงหน้าหมูสามชั้นไป เค้ามีให้ระบุได้ว่าจะเอาชามใหญ่หรือเล็ก ผมสั่งแบบชามเล็กไปนะครับ แบบในรูปเลย

ทีเด็ดอยู่ที่เกี๊ยวซ่าครับ อร่อยมากๆ จนสมาชิกในครอบครัวติดใจอยากจะกลับมากินตอนเย็นอีก

กินอิ่มแล้วก็เดินต่อครับ ข้างๆร้านราเมงที่เรากินจะมีร้านขายสินค้าแบรนด์เนมมือสองอยู่ด้วย (อยู่ติดกันเลยครับ)

ตู้กดน้ำเวอร์ชั่นดิจิตอล หน้าตู้จะเป็นจอสัมผัส คล้ายๆทีวีจอยักษ์ อยากกินอะไรก็กดไปที่จอเลยครับ จะไฮเทคไปใหน!?

ฝนยังตกอยู่เลยครับ จริงๆตามโปรแกรมวันนี้เราจะต้องออกไปยังเมือง Shitzuoka ตั้งแต่เช้า แต่เนื่องจากสภาพอากาศไม่เปนใจ เราจึงเลื่อนไปยังช่วงบ่ายแทน เพราะดูจากพยากรณ์อากาศแล้ว เค้าว่าช่วงบ่ายจะมีแดดออก ซึ่งก็แม่นจริงๆครับ

สาวๆที่ต้องการจะซื้อเครื่องสำอางค์ราคาถูกที่ญี่ปุ่น ต้องมาที่ร้านนี้ครับ ชื่อร้าน Matsumoto Kiyoshi (อ่านว่ามัตซึโมโตะ คิโยชิ) รับรองเข้ามาแล้วกระเป๋าแบนกลับบ้านแน่ เพราะของเค้าถูกจริงๆครับ มีหลายสาขาทั่วญี่ปุ่น ตามย่านสำคัญๆอย่างพวก Shibuya, Akihabara ก็มีครับ

เห็นหน้าร้านเล็กๆแบบนี้ ข้างในใหญ่นะครับ มีถึง 4 ชั้นเลยทีเดียว ใครจะฝากซื้อเครื่องสำอางค์อะไรแนะนำให้ถ่ายรูปผลิตภันฑ์มาให้ก็ได้ครับ เพราะถ้าหาสินค้าไม่เจอก็เปิดรูปให้พนักงานดูได้เลย เพราะบางทีใช้พูดเอา เราอาจจะออกเสียงไม่ถูกเหมือนคนญี่ปุ่นเค้า

หลังจากช้อปปิ้งที่ร้าน Matsumoto กว่าหนึ่งชั่วโมงผ่านไป เราก็เตรียมตัวมุ่งหน้าไปยังเมือง Shitzuoka เมืองแห่งชาเขียวกันได้เลย

เดินเข้ามาในสถานีรถไฟฟ้าชินจูกุอีกครั้ง ในบริเวณสถานีก็ยังมีร้านขายเสื้อผ้าสำหรับสาวๆอีกเพียบ

พวก overcoat สวยๆแบบนี้มาหาดูได้ที่นี่เลยครับ ราคาก็พอซื้อได้ ไม่ถึงกับแพงมาก

ใครต้องการจะฝากของหนักๆไว้ ก็สามารถเอามาฝากไว้ที่บริการ Locker ในสถานีก่อนได้ครับ ใช้หยอดเหรียญเอาหรือจะใช้บัตรเติมเงิน Suica Card ก็ได้ครับ ราคาก็ตามขนาดของ Locker 

เรานั่งรถไฟฟ้าจากสถานี Shinjuku นั่งสาย JR Yamanote Line (สีเขียว) มาลงที่สถานี Shinagawa นะครับ เพื่อที่จะนั่งรถไฟชินคังเซน ไปยังจังหวัด Shitzuoka ครับ

สถานีที่เป็นสถานีของรถไฟ Shinkansen นั้น จะมีร้านอาหารที่ขายข้าวกล่องเยอะเลยนะครับ เราสามารถซื้อเพื่อที่จะเอาไปกินในรถไฟฟ้าได้เลย ราคาจะถูกกว่าไปซื้อเอาในรถไฟฟ้านิดหน่อยครับ ร้านข้าวกล่องแบบนี้ข้อดีอีกอย่างก็คือเลือกซื้อได้ง่ายครับสำหรับคนที่ไม่ค่อยเก่งภาษาญี่ปุ่น

ให้ดูกันชัดๆ

พวกของหวานก็มีนะครับ

ได้เวลารถของรถไฟฟ้ามาหานะเธอ เอ้ย รถไฟฟ้าชินคังเซนกันแล้ว สิ่งสำคัญสำหรับการนั่งรถไฟฟฟ้าชินคังเซนก็คือ ก่อนอื่น เราต้องไปซื้อตั๋วมาก่อนนะครับ จะมีห้องขายตั๋วสำหรับ Shinkansen แยกในชานชลา ซึ่งจะไม่ใช่ตู้กดตั๋วเหมือนรถไฟฟ้าปกตินะครับ 

เวลาซื้อตั๋ว เราก็เดินไปบอกพนักงานว่าจะไปที่ปลายทางสถานีใหน เที่ยวกี่โมง กี่คน เที่ยวเดียวหรือว่าไปกลับทำนองนี้ครับ แล้วก็จะมีแบ่งเป็นตั๋ว Reserved (แบบระบุที่นั่ง) กับแบบ Non-Reserved ผมแนะนำว่า ให้ซื้อตั๋วแบบ Reserved หรือระบุที่นั่งนะครับ โดยให้แจ้งพนักงานขายตั๋วว่าขอฝั่งที่เห็นวิวฟูจิซัง (ภูเขาไฟฟูจิ) ให้พูดว่า ฟูจิซังมิเตะรู ก็ได้ครับ เค้าก็เข้าใจ

ส่วนประเภทของรถไฟ แนะนำให้ซื้อตั๋วที่เป็นรถไฟประเภท Hikari นะครับ จะเป็นระดับกลางๆ คือจอดบางสถานี

ถ้าเรียงลำดับความเร็วของชินคังเซน คร่าวๆนะครับ (เฉพาะในแถบภาคกลาง หรือสาย Tokaido/Sanyo/Kyushu) ก็จะเป็นดังนี้

Nozomi เร็วสุด แพงสุด จอดเฉพาะสถานีใหญ่ๆเท่านั้น
Hikari ราคาถูกลงมานิดหน่อย จอดเพิ่มอีกบางสถานี
Kodama ราคาถูกสุด จอดทุกสถานี 

จริงๆมันจะมีเยอะกว่านี้ครับ แต่นี่ผมเอาคร่าวๆมาให้ดู ถ้าใครอยากศึกษารายละเอียดมากกว่าก็ลองค้นหาดูเพิ่มเติมนะครับ



ทีนี้เมื่อเราได้ตั๋วมาแล้ว ในตั๋วก็จะบอกเบอร์ชานชลา ชื่อขบวนรถไฟ (เช่น Nozomi, Todama, Hikari) ตามที่เราระบุตอนซื้อตั๋ว จากนั้นเราก็เดินไปยังชานชลาตามที่ระบุเลยครับ แต่นอกเหนือจากนี้แล้ว เราต้องเดินไปยังตู้โบกี้ที่ระบุในตั๋วด้วย คือถ้ารถไฟมาแล้วแล้วเราเดินไปตู้โบกี้เราไม่ทันก็เข้าตู้ใหนไปก่อนก็ได้ แล้วก็ไปเดินต่อเอาในรถไฟครับ แต่ขอเสียคือระวังจะเมารถนะครับ เพราะรถไฟมันจะแกว่งๆ เลี้ยวๆนิดหน่อย ช่วงออกจากสถานี ผมเลยแนะนำว่าให้เดินไปเข้าคิวรอที่ตู้ของเราตรงชานชลาเลยดีกว่าครับ 

หน้าตารถไฟอาจจะเหมือนกันหรือแตกต่างกันก็ได้นะครับ ยกตัวอย่าง Nozomi กับ Hikari อาจจะใช้รถไฟรุ่นเดียวกัน เป็นต้น หรือ Hikari บางเวลาก็อาจจะเป็นรถไฟคนรุ่นกันก็เป็นไปได้ครับ

ปล. เมื่อกี้ลืมบอกไปว่า พยายามอย่าซื้อตั๋วรถไฟชินคังเซนของ Kodama มานะครับ เพราะจอดทุกสถานีเลย มันจะเสียเวลามากๆครับ

รู้สึกว่าตอนนี้ผมนั่งครั้งนี้ จะไม่ได้นั่งฝั่งวิวที่เห็นภูเขาไปฟูจินะครับ ก็เลยต้องอาศัยลุกไปดูเอาตรงหน้าต่างประตูแทนครับ แต่จริงๆแล้วถ้าไม่ได้นั่งวิวที่เห็นภูเขาไฟฟูจิ ก็ไม่เปนไรหรอกครับ เผลอๆอาจจะหลับไม่ทันได้ดูด้วยซ้ำ 

ถึงสถานี Shizuoka แล้วครับ

แวะซื้อน้ำก่อนนะครับ ชาเขียวตามตู้กดมันอร่อยกว่าของบ้านเราเยอะมาก มีทั้งแบบร้อนและเย็นให้เลือกเลย

ต่อจากนั้นเราจะต้องนั่งรถไฟฟ้า local ต่อมาอีกครับ ซึ่งขบวนรถไฟฟ้า local นั้นนานๆจะมาทีครับ ผมจำได้ว่ารอราวๆ 20 นาทีได้ ซึ่งผมลืมบวกเวลาตรงนี้ไป ทำให้ไปถึงช้ากว่ากำหนดเยอะเลย ตอนรอรถไฟในรูปนี้ก็เวลาราวๆเกือบบ่าย 3 ได้แล้วครับ ซึ่งจริงๆควรจะมาถึงอย่างช้าไม่เกินบ่ายโมงกำลังดี

รายละเอียดการต่อรถไฟนั้น พอดีผมก็อาศัยถามๆจากเจ้าหน้าทีในสถานีเหมือนกัน เอาไว้ถ้าทราบรายละเอียดจะมาอัพเดตให้อีกครั้งนะครับ

ถึงแล้วครับ สถานที่ๆเราจะไปนั้นจะมีไร่ชาเขียว พิพิธภัณท์ แล้วก็ของฝากต่างๆเช่น โมจิชาเขียว ชาเขียวผง ฯลฯ

หากท่านที่สนใจไปตามผมนะครับ แนะนำว่า เมื่อต่อรถไฟฟ้า local มาแล้วถึงสถานี ให้ต่อ taxi ไปเลยครับ อีกแค่พันกว่าเยนเท่านั้น โดยเอาแผ่นพับของไร่ชาเขียวที่เสียบๆไว้ตรงสถานีรถไฟ ยื่นให้ taxi ไปเลยครับ ง่ายสุดแล้ว 

ซึ่งตอนแรกผมพยายามจะเอาแผ่นพับโบรชัวร์ของทางไร่ไปถามทางคนแถวๆนั้น ปรากฏว่าสื่อสารคุยกันไม่รู้เรื่อง ทำให้เสียเวลาไปอีกพอสมควร กว่าจะไปถึงไร่ก็มืดพอดี เพราะที่ญี่ปุ่นนี่ฟ้าจะมืดเร็วกว่าบ้านเรานะครับ 4 โมงเย็นก็เริ่มๆจะมืดแล้ว 5 โมงเย็นนี่มืดสนิทเหมือนทุ่มนึงบ้านเราเลย

บรรยากาศในเมืองของจังหวัด Shizuoka ผมเดินออกมาถ่ายรูปแถวๆหน้าสถานีรถไฟครับ เป็นเมืองเล็กๆเงียบสงบ น่าอยู่มากๆ อากาศก็ดีมากครับ

ภูมิประเทศจะเป็นเนินเขาเล็กๆเต็มไปหมด คล้ายๆภาคเหนือบ้านเรา แต่สวยกว่าม๊ากก มองไปทางใหนก็จะเห็นแต่ไร่ชาเขียวครับ

ถึงที่หมายแล้วครับ เนื่องจากในพิพิธภันท์เค้าไม่ให้ถ่ายรูป ผมเลยขอตัดมาในส่วนที่ขายของฝากเลยนะครับ

ขนมบางอย่างจะมีขายเฉพาะที่นี่ที่เดียวนะครับ แนะนำว่าให้ซื้อไปเยอะๆเลย ส่วนใหญ่อร่อยหมดครับ

แพกเกจสวยงามมาก เห็นแล้วอยากจะกินเองมากกว่าจะซื้อไปฝากคนอื่นง่ะ

บรรยากาศบริเวณโดยรอบครับ สามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้ถ้าอากาศดีๆนะ

ตอนที่ถ่ายนี่ก็เวลาประมาณ 4 โมงนิดๆเอง แต่เริ่มมืดแล้ว

เสร็จแล้วก็กลับไปสถานีเดิมที่เรามาเลย คือมาทางใหนก็กลับทางนั้นเลยครับ

อากาศเย็นๆค่อนข้างหนาว ประมาณ 8-9 องศา

นั่งรถไฟชินคังเซนกลับ Tokyo ครับ ขากลับถ้าไม่รีบแล้วอยากประหยัดก็นั่ง Kodama ก็ได้ครับ สักชั่วโมงนิดๆก็ถึง Tokyo แต่ถ้านั่ง Hikari ก็ประมาณ 40 นาที

ภายในสถานีช่วงเลิกงาน คนเยอะม๊าก

กลับมายังที่เดิม ที่สถานี JR Shinjuku Station เวลาประมาณสักทุ่มนึงได้

ให้ออกมาทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือนะครับ ย่านนี้เค้าจะเรียกว่า Kabukicho (คาบูกิโจ) หรือย่านกลางคืนของชินจูกุนั่นเอง จะมีพวกร้านปาจิงโกะ ร้าน Sex toys ผับ บาร์ มากมาย แต่ก็มีร้านอาหารสำหรับคนทำงานปกติด้วยนะครับ คือจะไม่เหมือนย่านพัดพงษ์บ้านเรานะ ที่นี่ยังสามารถพาเด็กๆไปได้ หรือไปกันแบบครอบครัวก็ได้ครับ ไม่ได้น่ากลัวเหมือนในหนังเลย

เดินไปเรื่อยๆ ตามถนนเล็กๆจะเจอกับร้านนี้ครับ อยู่ตรงแยกเลย มีร้านอาหารหลายร้านเลย

เดินลงมาที่ชั้นใต้ดินเลยครับ ทางแคบๆนิดนึง (ไม่รู้เล็กไปใหน) จะเจอกับร้านขายข้าวหน้าต่างๆ พวกข้าวหน้าเนื้อย่าง ข้าวหน้าแกงกะหรี่ต่างๆ เป็นตู้กดสำหรับสั่งรายการอาหารเหมือนเช่นเคย

ข้าวหน้าหมูแกงกะหรี่ อร่อยมั้ยน่ะเหรอ? ก็หมดเกลี้ยงภายในเวลาอันรวดเร็วเลย

อีกเมนูครับ ข้าวหน้าเนื้อ

ถ้ามากับทัวร์ก็จะไม่ได้ฟิลลิ่งแบบนี้เลยนะ

อิ่มแล้วก็เดินเท้ากลับโรงแรมครับ เดินผ่านร้านปาจิงโกะราวๆ 2-3 ร้านได้

เดี๋ยวมีต่อภาคกลางคืนอีกนิดนึงนะครับ โปรดติดตามชมได้ในกระทู้ถัดไปเลยครับ

ที่กดน้ำ ไฮเทคจริงไรจริง รถไฟฟ้าอีก อาหารก็น่ากิน

ดูรูปแล้วเหมือนคนบ้าเลย อดเม้นไม่ได้ ^_^