ถ้ากรอบมี บค.38 ค.(2) เขตละ 30 อัตรา เราจะปฏิบัติราชการสำเร็จตามวัตถุประสงค์มั๊ย

ขอตอบแบบจริง ๆ ........ถ้ามีแค่ 30 อัตรา การจะทำงานให้สัมฤทธิ์ผลตามอำนาจ หน้าที่ที่กฏกระทรวงกำหนดก็คงลำบาก (เป็นไปได้ยาก)  แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลย  ขึ้นกับสำนึกและความรับผิดชอบของแต่ละคน

ปัจจุบันที่เขต มี 38 ค.(2)40 คน การทำงานก็ไม่มีปัญหา เรียบร้อยดี แถมยังมีคนที่ว่างงานไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันอีกกว่า 5-6 คน (ระดับสูง ๆ ทั้งนั้น)

ประการสำคัญ บุคลากรในสำนักงาน ทุกตำแหน่ง (ไม่มียกเว้น) จะต้องเป็นนักปฏิบัติ  ไม่ใช้เอาแต่สั่งอย่างเดียว ตำแหน่งที่หลากหลายก็ควรจะเหลือเพียงตำแหน่งเดียว เช่น นักวิชาการการศึกษา การมอบหมายงานก็ควรให้เหมาะสมกับความรู้ความสามารถ ใช้หลักความรู้ความสามารถเป็นหลักในการคัดเลือกคนเข้าสู่ตำแหน่ง (ยกเลิกระบบอาวุโส และ ระบบชะเลียร์  โดยสิ้นเชิง)

ที่พูดมาทั้งหมดก็ไม่รู้ว่าจะทำได้ซั๊กกี่เปอร์เซนต์......แต่ที่แน่ ๆ จิตสำนึกในความรับผิดชอบของแต่ละคนต้องเต็ม 100 จริง ๆ ถ้าเป็นเช่นนี้ 30 คนก็คงมากเกินความจำเป็น  ดูอย่างประเทศสิงค์โป  กระทรวงศึกษาธิการของเขามีบุคลกรไม่เกิน 60 คน แต่ทำไมการศึกษาของเขาถึงห่างไกลจากเรานัก........สำนึกในหน้าที่ล้วน ๆ

เห็นด้วยจ้า

สำนักงานยุคใหม่ จำนวนแค่นี้มากเกินพอครับ

ราชการต้องปรับกระบวนการทำงานใหม่
อะไรใช้เทคโนโลยีได้ ก็จำเป็นต้องใช้ และใช้ได้อย่างดีด้วย

ดูอย่าง Bank เมื่อก่อนแต่ละสาขามี พนง.มากมาย

เดี๋ยวนี้ บางแห่งมีแค่ 2-3 คนทำได้สารพัด

งานบริการที่ไม่จำเป็นต้องใช้คนมาก ก็ไม่ต้องให้เปลืองคน

เรากำลังจะไม่มีเงินเดือนจ่ายข้าราชการแล้วนะครับ

สนับสนุนครับ

อย่าง รอง ผอ.เขต ที่อยู่ในประถม  กองกันเป็นโหล มีงานอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอัน มีแต่รังสร้างความสับสนให้ จนท.

ฮื่อ...จริง ๆ  ใช่เลย..เห็นด้วยอย่างยิ่ง

จริงซินะ  เพราะเห็น นักวิชาการศึกษา ที่เขตฯ งานเขาเยอะมาก ๆๆๆๆๆ  ไปราชการกันตั้งแต่ต้นปีงปม. ยัน สิ้นปี งปม.  ก็ไม่รู้ว่าไปราชการ  งานหลวงหรืองานราษฎร์(ที่บ้าน) กันแน่  เฮ้อ/  ไปราชการทั้งปี   ตั้งแต่ ผอ.กลุ่ม ถึงยัน ลูกน้องในกลุ่ม  พอใกล้เวลาจะพิจารณาขั้น นั่งกันหน้าสลอนเต็มห้อง  เวลาพิจารณาก็ได้ ดี ดีเด่น  ดีพิเศษ กันทั้งนั้น  ไม่รู้ใช้สมองซีกไหนคิด  
           คิดดูแล้วกันว่า การศึกษาของประเทศจะพัฒนาได้งัย  ในเมื่อคนปฏิบัติยังทำไม่ได้  แล้วจะมีหน้าไปสอนเด็กได้งัย  
            คนตั้งใจทำงานไม่ได้ดีหรอก  ที่ได้ดีนะพวกชะเลียๆๆๆๆๆๆ
             

ถ้าจะใช้คนน้อยๆนะ ต้องมีระบบ IT ที่ทันสมัยสุดๆ และให้โรงเรียนคอยเปิดระบบ E-Office ตลอดมีระบบ online ที่รวดเร็ว ถ้าใช้ระบบงานแบบเดิมๆ เช่นใส่เอกสารในตู้ของโรงเรียน หรือส่งทางไปรษณีย์  ไม่ทันรับประทานหรอก ต้องมีคนเยอะๆ จะได้ช่วยประสานโรงเรียนได้ทัน แต่สภาพความเป็นจริงโรงเรียนบางแห่งตั้งอยู่หลังเขาหรือบนยอดเขาการสื่อสารยังไม่ดีพอ  น่ะลำบากทำไม่ได้หรอก

พวกเราเป็นตัวแปร/ฐานข้อมูล ในการจะมีกี่เขต  แต่เรื่องอื่น ๆ ที่ควรคิด ควรทำ ไม่คิดไม่ทำ เฮ้ย !

 - จะไปกลัวอะไรกับมี 30 คน/เขต  สิ่งที่น่ารังเกียจ ก็คือเรื่องความไม่เสมอภาคและไม่เป็นธรรมในความก้าวหน้าของตำแหน่งระหว่างข้าชการ 3 ประเภทในเขตพื้นที่เดียวกัน.......ที่สองฝ่ายมีทั้งเงินวิทยฐานะและเงินประจำตำแหน่ง แต่อีกฝ่ายหนึ่งไม่อะไรเลย 

อีกนานไหมกรอบ บค.38ค(2) จะออกค่ะ คุณรัชนี

เรียน คุณรัชนี
    ช่วยกรุณาขับเคลื่อนการยกเว้นคุณสมบัติในการเข้าสู่ตำแหน่งของบุคลากรที่มีวุฒิไม่ตรงตามมาตรฐานกำหนดตำแหน่ง เช่น นักวิชาการเิงินและบัญชี ซึ่งเดิมเป็น จบห.การเงินฯ 7 แต่พอเข้ากรอบปรากฏว่าวุฒิไม่ตรงกับมาตรฐานตำแหน่ง เลยต้องถูกปรับเป็น จพง.อาวุโส ทั้งทีทำงานการเงินและเป็น หน.งานใน สปอ.มายาวนาน โชคร้ายที่เรียนเพิ่มวุฒิปริญญาตรีสายครูมา (เดิมจบ ปวส.บัญชี) เนื่องจากตอนนั้นได้ข่าวว่าจะต้องมีวุฒิครู ดังนั้น ณ วันนี้ กลับถูกละเลยจาก กคศ.ที่มุ่งแต่จะเอาวุฒิให้ตรงกับมาตรฐานตำแหน่ง มิได้มองดูประสบการณ์ที่ทำงานมายาวนานเป็นองค์ประกอบและสร้างขวัญกำลังใจให้แก่ ชาว บค.38 ค(2) แต่อย่างใด

พวกท่านคิดแค่นี้แล้วพวกที่สอบ ขึ้นบัญชีจะไม่คิดให้โอกาสเขาบรรจุเข้ารับราชการบ้างเหรอคนรุ่นใหม่ทั้งนั้น อาจจะมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากกว่าที่มีปัจจุบันซะอีกนะ อย่าหาว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะที่สอบขึ้นบัญชี ปลายปี 2554/2555 นะไม่กี่คน น่าจะเรียกบรรจุให้หมดๆทุกตำแหน่ง เพื่อทดแทนน้ำเก่าดีกว่านะครับ คุณภาพดีกว่ากันเยอะตั้งแต่กระบวนการสอบแล้ว โดยเฉพาะนักวิชาการศึกษา