ทั้งรักทั้งเกลียด อินเดีย หน้า4 หาทุนเรียนในเมืองแขก
สำหรับเพื่อนๆนักศึกษาที่กำลังมองหาทุนการศึกษาเรียนดีแต่อาจไม่ได้ยากจน ขอเป็นอีกหนึ่งกระบอกเสียงช่วยรัฐบาลอินเดียประชาสัมพันธ์สักหน่อยว่าอินเดียก็เป็นอีกประเทศหนึ่งเหมือนนานาประเทศ ที่มีนโยบายสนับสนุนทุนการศึกษาให้แก่นักเรียน นักศึกษาต่างชาติ ตลอดจนผู้ที่มีความสนใจที่จะมาศึกษาต่อยังประเทศอินเดีย
บางคนอาจจะคิดว่าพ่อแม่มีเงินสามารถส่งเสียเรียนได้โดยไม่ต้องพึ่งพาทุนการศึกษาจากแหล่งอื่น ก็ไม่ต้องลำบากที่จะต้องไปแข่งขันกับใคร ส่วนนักศึกษาคนใดที่คิดว่าน่าลอง ก็เชิญ... แต่ไม่ได้เชิญชวนชิมนะครับ เชิญลองไปถามไถ่รายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สถานทูตอินเดีย ซึ่งหาได้ไม่ยาก หากไปไม่ถูก ไม่อยากนั่งแท็กซี่ ก็ลองไปจ้างมอเตอร์ไซค์รับจ้างก็ได้ครับ บอกว่าไปสุขุมวิท 23 มอเตอร์ไซค์หรือแท๊กซี่จะพาเราเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาสักพักหนึ่ง ก็จะมาถึง หลังมหาวิทยาลัยศรีนครินทร์ฯประสานมิตร หรือที่รู้จักกันในนาม มศว อย่าเอารถส่วนตัวไปเลยครับ ไม่ค่อยสะดวกในการหาที่จอด
ส่วนทุนที่ว่านี้ก็คือทุน ICCR มีชื่อเต็มๆว่า Indian Council For Cultural Relation มีนักศึกษาหลายๆประเทศที่มาศึกษายังประเทศอินเดีย โดยอาศัยทุน ICCR นี้ เท่าที่ผมทราบก็มี ลาว พม่า เวียดนาม กัมพูชา เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ประเทศอื่นอีกมากที่มาด้วยทุนนี้ ส่วนตัวผมไม่อยากจะไปเข้าคิวแข่งขันกับใคร เพราะรู้ว่าตัวเองไม่ค่อยมีดวงในเรื่องทุนเรียนฟรี ก็อาศัยทุน พ.ม. (พ่อแม่) มาเรียน เพราะมีประสบอันน่าปวดหัวมาเล่าเป็นเรื่องหดหู่ใจให้ฟัง
คณะที่ผมศึกษาอยู่ที่อินเดีย มันมีทุนให้นักศึกษาต่างชาติ ปีละ 4 ทุน ตอนแรกๆ ผมก็ไม่อยากได้หรอก แต่อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ ท่านมาเป็นพายกระซิบ บอกว่า มีทุนนักศึกษาต่างชาติอยู่นะ สนใจหรือเปล่า เพราะว่าท่านเป็นคณะกรรมาธิการในการพิจารณาด้วย เพียงแค่กรอกใบสมัคร และทางคณะเขาก็จะเรียกไปสอบสัมภาษณ์และดูผลการเรียนเมื่อครั้งเรียนปริญญาโทและดูหัวข้อวิทยานิพนธ์ว่าสมควรจะให้ไหม เมื่อสอบสัมภาษณ์และพิจารณาดูว่า นักศึกษาคนนั้นมีคุณสมบัติสามารถที่จะรับทุนได้ ก็ให้ไปเอาเงินฝากธนาคาร เพื่อที่จะทำเรื่องและดำเนินการเบิกทุนต่อไป ผมก็จำไม่ได้ว่า ทุนนี้ชื่อว่าอะไร เพราะไม่ได้เลยไม่ได้จำ ขั้นตอนทุกอย่างผ่านหมด เอาเงินไปฝากธนาคารเสร็จรีบร้อยแล้ว เอาเอกสารทุกอย่างให้อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ เขียนใบรับรองความประพฤติ ทำบัตร ATM เสียทรัพย์และเวลาไปเป็นเดือน พอจะถึงขั้นตอนสุดท้าย ส่งให้ศูนย์นักศึกษาต่างชาติพิจารณา ปรากฎว่า ทุนนี้เขายกเลิกไปแล้ว คิดดู ทำไปได้!
วกมาเรื่องทุนที่เมืองไทยต่อนะครับ สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสอบถามได้ด้วยตนเองที่ สถานทูตอินเดีย ห้อง 109 ส่วนทุนนี้ให้สำหรับผู้ที่จะมาศึกษาในระดับปริญญาตรี ปริญญาโท อนุปริญญาเอก ตลอดจนปริญญาเอก ส่วนเดือนที่เปิดรับสมัครจะอยู่ในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนมกราคมของทุกๆปี ทุนสำหรับข้าราชการเท่าที่ทราบมา มี 4 ทุนด้วยกัน ส่วนนักศึกษาประมาณ 14 ทุน ก็ถือว่าเยอะพอสมควร ลองไปสมัครและสอบถามดูครับ อาจจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ที่พอจะแบ่งเบาภาระในการส่งเสียให้พ่อแม่ได้บ้าง ส่วนเอกสารที่ควรเตรียมเอาไว้ ในการยื่นสมัคร
-รูปถ่ายที่คิดว่าตัวเองดูดี 2/1 หรือ 3 นิ้ว ประมาณ 1 โหล
-ใบสมัครที่กรอกเสร็จแล้ว ถ่ายสำเนาประมาณ 7 ชุด
-เอกสารเกี่ยวกับการศึกษา คือ
1.หนังสือรับรองการจบ ม. 6 จากกระทรวงศึกษาธิการ
2.หนังสือรับรองความประพฤติจาก อาจารย์ / ภาค และคณะที่เราเรียน
3.หนังสือรับรองการจบจากสถาบันการศึกษาต้นสังกัด
4.ใบแปลประกาศนียบัตร
5.ใบแปลหลักสูตรรายวิชาที่เรียน
6.ใบ Transcript
หากท่านมีเอกสารประกอบการอ้างอิงอื่นๆ เพื่อประกอบการพิจารณาก็แนบไปด้วยก็ถือว่าเป็นการดีครับ เช่นใบประกาศนียบัตร จบหลักสูตรเรียนภาษาอังกฤษพิเศษ หรือ TOEFL,TOEIC และใบเปลี่ยนชื่อ ส่วนใบหย่าไม่ต้อง เอกสารทั้งหมดนี้ อาจจะมีเพิ่มเติมจากรายการที่ได้ระบุบอกเอาไว้มาบ้าง อย่างไรก็สอบถามเพิ่มเติมได้ที่สถานทูตนะครับ
เกือบลืมเอกสารสำคัญอีกอย่างหนึ่งนั่นก็คือ ใบรับรองแพทย์ครับ ซึ่งจะมีแบบฟอร์มที่แนบมากับใบสมัครด้วย เอกสารทั้งหมดให้ทำสำเนาเอาไว้ประมาณ 7-8 ชุด ติดรูปถ่ายขนาด Passport Size ในเอกสารฉบับตัวจริงและเอกสารที่เป็นสำเนาทุกชุด และอย่าลืมแนบรูปถ่ายติดไปด้วยจำนวน 1 รูป เพื่อทำบัตรผู้สมัคร ต้องยื่นเอกสารให้เจ้าหน้าที่ภายในอาทิตย์แรกของเดือนกุมภาพันธ์ หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่จะนัดสอบสัมภาษณ์ในอาทิตย์ต่อมา ส่วนผลประกาศจะออกหลังจากอาทิตย์ต่อมาของการสอบสัมภาษณ์ คราวนี้ก็ต้องรอลุ้นกันว่า เราจะเป็นหนึ่งในตองอูหรือเปล่าที่จะได้เป็นเด็กวัด เฮ้ย..ไม่ใช่ เด็กนักเรียนทุน ICCR! แล้วอย่าลืมไปหัดพูดภาษาอังกฤษมาด้วยนะครับ (เช่นการแนะนำตัว อายุเท่าไหร่ ทำไมถึงอยากเรียนอินเดีย? เป็นต้น) เผื่อเขานัดสอบสัมภาษณ์ ขอให้โชคดีครับ
ระบบการศึกษาของแขก
มีอีกเรื่องหนึ่งที่ผมอยากนำเสนอนั่นก็คือระบบการศึกษาของแขกให้ได้ทราบก่อน อย่างน้อยเราอาจจะเปรียบเทียบกับระบบการศึกษาของไทยได้บ้าง ว่าเหมือนหรือว่าแตกต่างกันอย่างไรบ้าง อันที่จริงระบบการศึกษาในอินเดียส่วนมากได้รับอิทธิพลมาจากอังกฤษที่ได้วางรากฐานเอาไว้ให้ ในคราวที่อังกฤษยังปกครองอินเดียอยู่ คือใช้ระบบ 5 5 2
คือในระดับประถมศึกษา ใช้หลักสูตร 5 ปี ชั้น ป. 1-5 ( CLASS I-V)
มัธยมศึกษา ใช้หลักสูตร 5 ปี ชั้น ม. 1-5 (CLASS VI-X)
เตรียมอุดมศึกษา หลักสูตร 2 ปี เรียกว่า 10+2 หรือ GRADE 12
ส่วนในระดับอุดมศึกษา
ปริญญาตรี (BACHELOR’S DEGREE) หลักสูตร 3-4 ปี หรือบางสาขาวิชาอาจจะใช้ระยะเวลานานกว่า 3-4 ปี
ปริญญาโท (MASTER’S DEGREE) หลักสูตร 2 ปี บางสาขาวิชาก็ใช้ระยะเวลานานกว่า 2 ปี
อนุปริญญาเอก (MASTER OF PHILOSHOPHY’S DEGREE) หลักสูตร 1 ปี – 1 ปีครึ่ง
ปริญญาเอก ( DOGTORAL’S DEGREE) หลักสูตร 3-5 ปี
สูงกว่าปริญญาเอก (DOCTOR OF LITERATURE) หลักสูตร 3-5 ปี
การที่ผมได้หยิบยกนำเอาเรื่องการศึกษาในอินเดียมาพูด ก็ด้วยคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับคนที่สนใจ และเตรียมความพร้อมในเรื่องระยะเวลาของการศึกษา ในระดับที่ตัวเองสนใจสมัครเรียน และอาจพอที่สรุปค่าใช้จ่ายในการศึกษาเล่าเรียนได้บ้างนะครับ
หาที่เรียนในเมืองแขก
เพื่อความมั่นใจในสถาบันที่เราจะไปศึกษาต่อ หากท่านอยากทราบว่ามหาวิทยาลัยที่เราจะไปเรียนต่อนั้น ทาง กพ.รับรองวุฒิหรือไม่ ก็สามารถเข้าไปเช็คได้ที่ ทางเว็บไซด์ http://203.146.227.7/accredit/ เข้าไปในต่างประเทศ---อินเดีย แล้วก็เข้าไปดูรายชื่อมหาวิทยาลัยต่างๆ ในนั้นดูครับ
ส่วนมหาวิทยาลัยที่คนไทยนิยมมาเรียนกันนั้นมีกระจายอยู่ทุกภาคของอินเดีย เป็นสิ่งลำบากมาก ในการจะติดต่อกันระหว่างนักศึกษาไทยแต่ละมหาวิทยาลัย เพราะว่าบางมหาวิทยาลัยนักศึกษาไทยไม่สามารถรวมตัวกันได้ เพราะสภาพการเป็นอยู่ที่กระจัดกระจายกัน และบวกกับอินเดียค่อนข้างเป็นประเภทที่กว้างมาก เพราะบางรัฐกว่าจะเดินทางติดต่อหากันก็ใช้เวลา 2-3 วัน ดังนั้นจึงมีปัญหาหากจะหาข้อมูลเกี่ยวกับที่อยู่ที่แน่นอนและที่อยู่ถาวร หรือสมาคมนักศึกษาไทยของแต่ละมหาวิทยาลัย แต่ถึงกระนั้นก็มิได้หมายความว่าบางรัฐจะไม่มีสมาคมนักศึกษาไทยเลย ก็ยังมีกลุ่มนักศึกษาไทยในบางมหาวิทยาลัยก็ตั้งสมาคมขึ้นมา เพื่อเป็นจุดเชื่อมในการติดต่อแต่ละ
มหาวิทยาลัยในอินเดีย แต่หากจะไปเยี่ยมนักศึกษาไทยจากรัฐหนึ่งไปอีกรัฐหนึ่งค่อนข้างลำบากในเรื่องของการเดินทาง นี้เป็นเรื่องของการติดต่อที่ค่อนข้างลำบากในอินเดีย ส่วนรายละเอียดของคณะที่ท่านจะมาติดต่อเรียน ต้องติดต่อบุคคลภายในที่อยู่อินเดียอีกทีหนึ่ง
เพราะบางมหาวิทยาลัย มีคณะเปิดสอน แต่ว่าสมัครเรียนไม่ได้ก็มี อาจจะมีเหตุผลหลากหลายประการขึ้นอยู่กับความเห็นชอบของคณะครูอาจารย์หรือบางมหาวิทยาลัยเขาพิจารณาความสามารถทางภาษาอังกฤษด้วย บางคณะเราอยากเรียน แต่สาขาที่เราจบ ไม่ตรงกันกับคณะที่เราสมัคร ทางคณะครูอาจารย์ผู้รับผิดชอบพิจารณา ไม่พิจารณารับก็มี และการเดินเอกสารในการสมัครเรียนค่อนข้างใช้เวลานาน และใช้ความอดทนสูงมาก ในการที่จะไปรอ แล้วก็รอแขก....เป็นเวลาหลายชั่วโมงหรือหลายวัน เจ้าหน้าที่แขกแต่ละคนทำงานเช้าชามเย็นชาม ขอให้รำลึกเสมอว่าผู้ที่เดินเอกสารให้กับเราต้องมีความเสียสละอย่างมาก ถึงจะทำได้ บางคราวก็โดนแขกดุที่ต้องคอยตื้อสอบถามรายละเอียดบ่อยๆให้กับเรา โดยที่แขกเขาก็คงไม่รู้หรอกว่า ตูก็รำคาญเหมือนกันที่จะต้องคอยมาถามทุกเมื่อเชื่อวัน เพราะค่อนข้างมีปัญหามาก ไม่ว่าจะเป็นเอกสารของผู้สมัครกับหนังสือเดินทางไม่ตรงกันบ้าง วันปีจบไม่ตรงกับผลการเรียน อีกๆหลายอย่าง ดังนั้น ก่อนจะมา อยากให้เช็คเอกสารให้ถูกต้องและแน่นอน
ส่วนมหาวิทยาลัยที่มีนักศึกษาไทยเรียน โดยส่วนมากจะเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงในอินเดียพอสมควร พร้อมกันนี้ ผมได้รวบรวมมหาวิทยาลัย ในอินเดีย 51 อันดับ มาให้ได้ดูกัน เพื่อได้เช็คดูว่า มหาวิทยาลัยหรือวิทยาลัย ที่เราจะมาศึกษาอยู่ ติดอันดับกับเขาหรือเปล่า นี้เป็นอันดับที่ เขาจัดกันขึ้นในอินเดียทุกๆปีครับ
Colleges and Universities by 2010 Pupularity Ranking จากหนังสือ Indian Universities Award 2010: Annual
ชื่อมหาวิทยาลัยหรือวิทยาลัยและเมือง
1.Indian Institue Of Technology, Madras เมือง Chennai
2.Anna University เมือง Chennai
3.Indian Institue Of Technology Bombay เมือง Mumbai
4.Indian Institue Of Technology, Kanpur เมือง Kanpur
5.ICFAI University เมือง Hyderabad
6.Jawaharlal Nehru Technological Universityเมือง Hyderabad
7.Birla Institue Of Technology and Science เมือง Pilani
8.Indian Institue Of Technology, Delhi เมือง New Delhi
9.University of Mumbai เมือง Mumbai
10. Indian Institue Of Science เมือง Bangalore
11.Manipal Academy of Higher Education Manipal,เมือง Udupi
12.Delhi Vishwavidyalaya เมือง Delhi
13.All India Institute of medical Sciences เมือง New Delhi
14.Vellore Institute of Technology เมือง Vellore
15.Visveswaraiah Technological University เมือง Belgaum
16.Guru Gobind Singh Indraprastha Universityเมือง Delhi
17.Indian Institute of Technology Roorkee เมือง Roorkee
18.Osmania University เมือง Hyderabad
19.Jawaharlal Nehru Vishvavidyalaya เมือง New Delhi
20.University of Madras เมือง Chennai
21.Indian Institute of Technology Kharagpurเมือง Kharagpur
22.Annamalai University เมือง Chidambaram
23.International Institute of Information Technology เมือง Hyderabad
24.National Institute of Technology Calicut เมืองCalicut
25.Cochin University of Science & Technology เมือง Kochi
26.Amrita Vishwa Vidyapeetham
27.Rajiv Gandhi University of Health Scienceเมือง Bangalore
28.Indian Institue of Information Technologyเมือง Allahabad
29.Indian Statitical Institute Kolkata, Bangalore,เมือง Delhi
30.Punjab Technical University เมือง Jalandhar
31.Shamugha Arts Science Technology and Research Academyเมือง Thanjavur
32.West Bengal University of Technology เมือง Kolkata
33.University of Kerala เมือง Thiruvanathapuram
34.Maharashtra University of Health Science เมือง Nashik
35.PSG College of Technologyเมือง Coimbatore
36.Madurai Kamaraj University เมือง Madurai
37.Sathyabama Institute of Science and Technology เมืองChennai
38.Bharathiar University เมืองCoimbatore
39.Pondicherry University เมืองPondicherry
40.Banaras Hindu University เมือง Varanasi
41.Tata Institute of Social Science เมือง Mumbai
42.Bharathidasan University เมือง Tiruchirappalli
43.University of Calicut เมือง Kerala
44.Acharya Nagarijuna Vishwavidhyalayamu เมือง Guntur
45.National Law School of India University เมือง Bangalore
46.Jadavpur University เมือง Kolkata
47.Indian Institute of Technology Guwahati เมืองGuwahati
48.Jawaharlal Nehru Centre for Advanced Sicentific Research
49.National Institute of Technology Karnatakaเมือง Karnataka
50.Delhi College of Engineeringเมือง Delhi
51. University of Pune เมือง Pune
บางคนอาจจะคิดว่าพ่อแม่มีเงินสามารถส่งเสียเรียนได้โดยไม่ต้องพึ่งพาทุนการศึกษาจากแหล่งอื่น ก็ไม่ต้องลำบากที่จะต้องไปแข่งขันกับใคร ส่วนนักศึกษาคนใดที่คิดว่าน่าลอง ก็เชิญ... แต่ไม่ได้เชิญชวนชิมนะครับ เชิญลองไปถามไถ่รายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สถานทูตอินเดีย ซึ่งหาได้ไม่ยาก หากไปไม่ถูก ไม่อยากนั่งแท็กซี่ ก็ลองไปจ้างมอเตอร์ไซค์รับจ้างก็ได้ครับ บอกว่าไปสุขุมวิท 23 มอเตอร์ไซค์หรือแท๊กซี่จะพาเราเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาสักพักหนึ่ง ก็จะมาถึง หลังมหาวิทยาลัยศรีนครินทร์ฯประสานมิตร หรือที่รู้จักกันในนาม มศว อย่าเอารถส่วนตัวไปเลยครับ ไม่ค่อยสะดวกในการหาที่จอด
ส่วนทุนที่ว่านี้ก็คือทุน ICCR มีชื่อเต็มๆว่า Indian Council For Cultural Relation มีนักศึกษาหลายๆประเทศที่มาศึกษายังประเทศอินเดีย โดยอาศัยทุน ICCR นี้ เท่าที่ผมทราบก็มี ลาว พม่า เวียดนาม กัมพูชา เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ประเทศอื่นอีกมากที่มาด้วยทุนนี้ ส่วนตัวผมไม่อยากจะไปเข้าคิวแข่งขันกับใคร เพราะรู้ว่าตัวเองไม่ค่อยมีดวงในเรื่องทุนเรียนฟรี ก็อาศัยทุน พ.ม. (พ่อแม่) มาเรียน เพราะมีประสบอันน่าปวดหัวมาเล่าเป็นเรื่องหดหู่ใจให้ฟัง
คณะที่ผมศึกษาอยู่ที่อินเดีย มันมีทุนให้นักศึกษาต่างชาติ ปีละ 4 ทุน ตอนแรกๆ ผมก็ไม่อยากได้หรอก แต่อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ ท่านมาเป็นพายกระซิบ บอกว่า มีทุนนักศึกษาต่างชาติอยู่นะ สนใจหรือเปล่า เพราะว่าท่านเป็นคณะกรรมาธิการในการพิจารณาด้วย เพียงแค่กรอกใบสมัคร และทางคณะเขาก็จะเรียกไปสอบสัมภาษณ์และดูผลการเรียนเมื่อครั้งเรียนปริญญาโทและดูหัวข้อวิทยานิพนธ์ว่าสมควรจะให้ไหม เมื่อสอบสัมภาษณ์และพิจารณาดูว่า นักศึกษาคนนั้นมีคุณสมบัติสามารถที่จะรับทุนได้ ก็ให้ไปเอาเงินฝากธนาคาร เพื่อที่จะทำเรื่องและดำเนินการเบิกทุนต่อไป ผมก็จำไม่ได้ว่า ทุนนี้ชื่อว่าอะไร เพราะไม่ได้เลยไม่ได้จำ ขั้นตอนทุกอย่างผ่านหมด เอาเงินไปฝากธนาคารเสร็จรีบร้อยแล้ว เอาเอกสารทุกอย่างให้อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ เขียนใบรับรองความประพฤติ ทำบัตร ATM เสียทรัพย์และเวลาไปเป็นเดือน พอจะถึงขั้นตอนสุดท้าย ส่งให้ศูนย์นักศึกษาต่างชาติพิจารณา ปรากฎว่า ทุนนี้เขายกเลิกไปแล้ว คิดดู ทำไปได้!
วกมาเรื่องทุนที่เมืองไทยต่อนะครับ สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสอบถามได้ด้วยตนเองที่ สถานทูตอินเดีย ห้อง 109 ส่วนทุนนี้ให้สำหรับผู้ที่จะมาศึกษาในระดับปริญญาตรี ปริญญาโท อนุปริญญาเอก ตลอดจนปริญญาเอก ส่วนเดือนที่เปิดรับสมัครจะอยู่ในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนมกราคมของทุกๆปี ทุนสำหรับข้าราชการเท่าที่ทราบมา มี 4 ทุนด้วยกัน ส่วนนักศึกษาประมาณ 14 ทุน ก็ถือว่าเยอะพอสมควร ลองไปสมัครและสอบถามดูครับ อาจจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ที่พอจะแบ่งเบาภาระในการส่งเสียให้พ่อแม่ได้บ้าง ส่วนเอกสารที่ควรเตรียมเอาไว้ ในการยื่นสมัคร
-รูปถ่ายที่คิดว่าตัวเองดูดี 2/1 หรือ 3 นิ้ว ประมาณ 1 โหล
-ใบสมัครที่กรอกเสร็จแล้ว ถ่ายสำเนาประมาณ 7 ชุด
-เอกสารเกี่ยวกับการศึกษา คือ
1.หนังสือรับรองการจบ ม. 6 จากกระทรวงศึกษาธิการ
2.หนังสือรับรองความประพฤติจาก อาจารย์ / ภาค และคณะที่เราเรียน
3.หนังสือรับรองการจบจากสถาบันการศึกษาต้นสังกัด
4.ใบแปลประกาศนียบัตร
5.ใบแปลหลักสูตรรายวิชาที่เรียน
6.ใบ Transcript
หากท่านมีเอกสารประกอบการอ้างอิงอื่นๆ เพื่อประกอบการพิจารณาก็แนบไปด้วยก็ถือว่าเป็นการดีครับ เช่นใบประกาศนียบัตร จบหลักสูตรเรียนภาษาอังกฤษพิเศษ หรือ TOEFL,TOEIC และใบเปลี่ยนชื่อ ส่วนใบหย่าไม่ต้อง เอกสารทั้งหมดนี้ อาจจะมีเพิ่มเติมจากรายการที่ได้ระบุบอกเอาไว้มาบ้าง อย่างไรก็สอบถามเพิ่มเติมได้ที่สถานทูตนะครับ
เกือบลืมเอกสารสำคัญอีกอย่างหนึ่งนั่นก็คือ ใบรับรองแพทย์ครับ ซึ่งจะมีแบบฟอร์มที่แนบมากับใบสมัครด้วย เอกสารทั้งหมดให้ทำสำเนาเอาไว้ประมาณ 7-8 ชุด ติดรูปถ่ายขนาด Passport Size ในเอกสารฉบับตัวจริงและเอกสารที่เป็นสำเนาทุกชุด และอย่าลืมแนบรูปถ่ายติดไปด้วยจำนวน 1 รูป เพื่อทำบัตรผู้สมัคร ต้องยื่นเอกสารให้เจ้าหน้าที่ภายในอาทิตย์แรกของเดือนกุมภาพันธ์ หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่จะนัดสอบสัมภาษณ์ในอาทิตย์ต่อมา ส่วนผลประกาศจะออกหลังจากอาทิตย์ต่อมาของการสอบสัมภาษณ์ คราวนี้ก็ต้องรอลุ้นกันว่า เราจะเป็นหนึ่งในตองอูหรือเปล่าที่จะได้เป็นเด็กวัด เฮ้ย..ไม่ใช่ เด็กนักเรียนทุน ICCR! แล้วอย่าลืมไปหัดพูดภาษาอังกฤษมาด้วยนะครับ (เช่นการแนะนำตัว อายุเท่าไหร่ ทำไมถึงอยากเรียนอินเดีย? เป็นต้น) เผื่อเขานัดสอบสัมภาษณ์ ขอให้โชคดีครับ
ระบบการศึกษาของแขก
มีอีกเรื่องหนึ่งที่ผมอยากนำเสนอนั่นก็คือระบบการศึกษาของแขกให้ได้ทราบก่อน อย่างน้อยเราอาจจะเปรียบเทียบกับระบบการศึกษาของไทยได้บ้าง ว่าเหมือนหรือว่าแตกต่างกันอย่างไรบ้าง อันที่จริงระบบการศึกษาในอินเดียส่วนมากได้รับอิทธิพลมาจากอังกฤษที่ได้วางรากฐานเอาไว้ให้ ในคราวที่อังกฤษยังปกครองอินเดียอยู่ คือใช้ระบบ 5 5 2
คือในระดับประถมศึกษา ใช้หลักสูตร 5 ปี ชั้น ป. 1-5 ( CLASS I-V)
มัธยมศึกษา ใช้หลักสูตร 5 ปี ชั้น ม. 1-5 (CLASS VI-X)
เตรียมอุดมศึกษา หลักสูตร 2 ปี เรียกว่า 10+2 หรือ GRADE 12
ส่วนในระดับอุดมศึกษา
ปริญญาตรี (BACHELOR’S DEGREE) หลักสูตร 3-4 ปี หรือบางสาขาวิชาอาจจะใช้ระยะเวลานานกว่า 3-4 ปี
ปริญญาโท (MASTER’S DEGREE) หลักสูตร 2 ปี บางสาขาวิชาก็ใช้ระยะเวลานานกว่า 2 ปี
อนุปริญญาเอก (MASTER OF PHILOSHOPHY’S DEGREE) หลักสูตร 1 ปี – 1 ปีครึ่ง
ปริญญาเอก ( DOGTORAL’S DEGREE) หลักสูตร 3-5 ปี
สูงกว่าปริญญาเอก (DOCTOR OF LITERATURE) หลักสูตร 3-5 ปี
การที่ผมได้หยิบยกนำเอาเรื่องการศึกษาในอินเดียมาพูด ก็ด้วยคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับคนที่สนใจ และเตรียมความพร้อมในเรื่องระยะเวลาของการศึกษา ในระดับที่ตัวเองสนใจสมัครเรียน และอาจพอที่สรุปค่าใช้จ่ายในการศึกษาเล่าเรียนได้บ้างนะครับ
หาที่เรียนในเมืองแขก
เพื่อความมั่นใจในสถาบันที่เราจะไปศึกษาต่อ หากท่านอยากทราบว่ามหาวิทยาลัยที่เราจะไปเรียนต่อนั้น ทาง กพ.รับรองวุฒิหรือไม่ ก็สามารถเข้าไปเช็คได้ที่ ทางเว็บไซด์ http://203.146.227.7/accredit/ เข้าไปในต่างประเทศ---อินเดีย แล้วก็เข้าไปดูรายชื่อมหาวิทยาลัยต่างๆ ในนั้นดูครับ
ส่วนมหาวิทยาลัยที่คนไทยนิยมมาเรียนกันนั้นมีกระจายอยู่ทุกภาคของอินเดีย เป็นสิ่งลำบากมาก ในการจะติดต่อกันระหว่างนักศึกษาไทยแต่ละมหาวิทยาลัย เพราะว่าบางมหาวิทยาลัยนักศึกษาไทยไม่สามารถรวมตัวกันได้ เพราะสภาพการเป็นอยู่ที่กระจัดกระจายกัน และบวกกับอินเดียค่อนข้างเป็นประเภทที่กว้างมาก เพราะบางรัฐกว่าจะเดินทางติดต่อหากันก็ใช้เวลา 2-3 วัน ดังนั้นจึงมีปัญหาหากจะหาข้อมูลเกี่ยวกับที่อยู่ที่แน่นอนและที่อยู่ถาวร หรือสมาคมนักศึกษาไทยของแต่ละมหาวิทยาลัย แต่ถึงกระนั้นก็มิได้หมายความว่าบางรัฐจะไม่มีสมาคมนักศึกษาไทยเลย ก็ยังมีกลุ่มนักศึกษาไทยในบางมหาวิทยาลัยก็ตั้งสมาคมขึ้นมา เพื่อเป็นจุดเชื่อมในการติดต่อแต่ละ
มหาวิทยาลัยในอินเดีย แต่หากจะไปเยี่ยมนักศึกษาไทยจากรัฐหนึ่งไปอีกรัฐหนึ่งค่อนข้างลำบากในเรื่องของการเดินทาง นี้เป็นเรื่องของการติดต่อที่ค่อนข้างลำบากในอินเดีย ส่วนรายละเอียดของคณะที่ท่านจะมาติดต่อเรียน ต้องติดต่อบุคคลภายในที่อยู่อินเดียอีกทีหนึ่ง
เพราะบางมหาวิทยาลัย มีคณะเปิดสอน แต่ว่าสมัครเรียนไม่ได้ก็มี อาจจะมีเหตุผลหลากหลายประการขึ้นอยู่กับความเห็นชอบของคณะครูอาจารย์หรือบางมหาวิทยาลัยเขาพิจารณาความสามารถทางภาษาอังกฤษด้วย บางคณะเราอยากเรียน แต่สาขาที่เราจบ ไม่ตรงกันกับคณะที่เราสมัคร ทางคณะครูอาจารย์ผู้รับผิดชอบพิจารณา ไม่พิจารณารับก็มี และการเดินเอกสารในการสมัครเรียนค่อนข้างใช้เวลานาน และใช้ความอดทนสูงมาก ในการที่จะไปรอ แล้วก็รอแขก....เป็นเวลาหลายชั่วโมงหรือหลายวัน เจ้าหน้าที่แขกแต่ละคนทำงานเช้าชามเย็นชาม ขอให้รำลึกเสมอว่าผู้ที่เดินเอกสารให้กับเราต้องมีความเสียสละอย่างมาก ถึงจะทำได้ บางคราวก็โดนแขกดุที่ต้องคอยตื้อสอบถามรายละเอียดบ่อยๆให้กับเรา โดยที่แขกเขาก็คงไม่รู้หรอกว่า ตูก็รำคาญเหมือนกันที่จะต้องคอยมาถามทุกเมื่อเชื่อวัน เพราะค่อนข้างมีปัญหามาก ไม่ว่าจะเป็นเอกสารของผู้สมัครกับหนังสือเดินทางไม่ตรงกันบ้าง วันปีจบไม่ตรงกับผลการเรียน อีกๆหลายอย่าง ดังนั้น ก่อนจะมา อยากให้เช็คเอกสารให้ถูกต้องและแน่นอน
ส่วนมหาวิทยาลัยที่มีนักศึกษาไทยเรียน โดยส่วนมากจะเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงในอินเดียพอสมควร พร้อมกันนี้ ผมได้รวบรวมมหาวิทยาลัย ในอินเดีย 51 อันดับ มาให้ได้ดูกัน เพื่อได้เช็คดูว่า มหาวิทยาลัยหรือวิทยาลัย ที่เราจะมาศึกษาอยู่ ติดอันดับกับเขาหรือเปล่า นี้เป็นอันดับที่ เขาจัดกันขึ้นในอินเดียทุกๆปีครับ
Colleges and Universities by 2010 Pupularity Ranking จากหนังสือ Indian Universities Award 2010: Annual
ชื่อมหาวิทยาลัยหรือวิทยาลัยและเมือง
1.Indian Institue Of Technology, Madras เมือง Chennai
2.Anna University เมือง Chennai
3.Indian Institue Of Technology Bombay เมือง Mumbai
4.Indian Institue Of Technology, Kanpur เมือง Kanpur
5.ICFAI University เมือง Hyderabad
6.Jawaharlal Nehru Technological Universityเมือง Hyderabad
7.Birla Institue Of Technology and Science เมือง Pilani
8.Indian Institue Of Technology, Delhi เมือง New Delhi
9.University of Mumbai เมือง Mumbai
10. Indian Institue Of Science เมือง Bangalore
11.Manipal Academy of Higher Education Manipal,เมือง Udupi
12.Delhi Vishwavidyalaya เมือง Delhi
13.All India Institute of medical Sciences เมือง New Delhi
14.Vellore Institute of Technology เมือง Vellore
15.Visveswaraiah Technological University เมือง Belgaum
16.Guru Gobind Singh Indraprastha Universityเมือง Delhi
17.Indian Institute of Technology Roorkee เมือง Roorkee
18.Osmania University เมือง Hyderabad
19.Jawaharlal Nehru Vishvavidyalaya เมือง New Delhi
20.University of Madras เมือง Chennai
21.Indian Institute of Technology Kharagpurเมือง Kharagpur
22.Annamalai University เมือง Chidambaram
23.International Institute of Information Technology เมือง Hyderabad
24.National Institute of Technology Calicut เมืองCalicut
25.Cochin University of Science & Technology เมือง Kochi
26.Amrita Vishwa Vidyapeetham
27.Rajiv Gandhi University of Health Scienceเมือง Bangalore
28.Indian Institue of Information Technologyเมือง Allahabad
29.Indian Statitical Institute Kolkata, Bangalore,เมือง Delhi
30.Punjab Technical University เมือง Jalandhar
31.Shamugha Arts Science Technology and Research Academyเมือง Thanjavur
32.West Bengal University of Technology เมือง Kolkata
33.University of Kerala เมือง Thiruvanathapuram
34.Maharashtra University of Health Science เมือง Nashik
35.PSG College of Technologyเมือง Coimbatore
36.Madurai Kamaraj University เมือง Madurai
37.Sathyabama Institute of Science and Technology เมืองChennai
38.Bharathiar University เมืองCoimbatore
39.Pondicherry University เมืองPondicherry
40.Banaras Hindu University เมือง Varanasi
41.Tata Institute of Social Science เมือง Mumbai
42.Bharathidasan University เมือง Tiruchirappalli
43.University of Calicut เมือง Kerala
44.Acharya Nagarijuna Vishwavidhyalayamu เมือง Guntur
45.National Law School of India University เมือง Bangalore
46.Jadavpur University เมือง Kolkata
47.Indian Institute of Technology Guwahati เมืองGuwahati
48.Jawaharlal Nehru Centre for Advanced Sicentific Research
49.National Institute of Technology Karnatakaเมือง Karnataka
50.Delhi College of Engineeringเมือง Delhi
51. University of Pune เมือง Pune
ประกาศล่าสุดในบอร์ดเดียวกัน
10 ปีที่ผ่านมา
13 ปีที่ผ่านมา
13 ปีที่ผ่านมา
13 ปีที่ผ่านมา
13 ปีที่ผ่านมา
13 ปีที่ผ่านมา
13 ปีที่ผ่านมา
13 ปีที่ผ่านมา
13 ปีที่ผ่านมา
13 ปีที่ผ่านมา
13 ปีที่ผ่านมา
13 ปีที่ผ่านมา
13 ปีที่ผ่านมา
13 ปีที่ผ่านมา
13 ปีที่ผ่านมา