คนเคยมีอดีต.......

Phindia profile image Phindia

ผมเป็นเด็กบ้านนอกคนหนึ่ง พ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่....ผมยังจำความไม่ได้ คนที่ผมเรียกพ่อเป็นคนแรกก็คือ ตา เพราะความที่ฐานะเรายากจนมาก แม่ก็ต้องไปหางานทำที่เชียงใหม่ เพื่อรักษาตัวเองจากโรคประจำตัว ผู้คนมักจะตราหน้าผมว่า “ไอ้เด็กไม่มีพ่อไม่มีแม่ ไอ้เด็กกำพร้า” ตั้งแต่ผมจำความไม่ได้ คนที่เรียกก็ใช่ใครที่ไหน ก็ลูกป้า ลูกลุง ญาติกันทั้งนั้น

พอผมอยู่ ป.3 ตาก็มาเสียชีวิต ชีวิตผมเหมือนอยู่บนแพแตกท่ามกลางมรสุมชีวิต ต่อจากนี้ไป ผมจะไปอยู่กับใคร เข็มทิศแห่งชีวิตพ่อแม่.....ผมอยู่ไหน ต่อนี้ไปใครจะชี้นำ หรือสิ่งที่ชาวบ้านเรียกผมคงจะเป็นจริง “เด็กกำพร้า”

เด็กกำพร้า...มันเป็นเสมือนเงาติดตามตัวผมมาตลอด และมันคงจะจางหายไปจากชีวิตผม ตราบเท่าลมหายใจ

ชีวิตของเด็กคนหนึ่ง ที่เลือกเกิดไม่ได้ ต้องหอบผ้า มาอยู่บ้านลุงกับป้า บ้านแหล่งสุดท้ายที่ผมพอจะอาศัยได้ แต่อาจจะไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุดของคำว่า ครอบครัว ที่ใครๆ ต้องการ ลุงกับป้าพร้อมจะตีผมตอนไหนก็ได้ หากไม่พอใจ ในเรื่องอะไรสักอย่าง ที่เด็กคนหนึ่งอาจจะทำลงไป ตามประสาของเด็ก โดยไม่มีเหตุผล อาจจะโดนตบหัวอย่างแรง ขณะกินข้าว เพียงเพราะไม่ชอบทานเนื้อสัตว์

“ไอ้คนไม่มีพ่อไม่มีแม่ จะเลี้ยงมันให้ดีทำไม อีกหน่อยมันโตขึ้นมาก็ไปเลี้ยงพ่อแม่มันแล้ว” เขายัดเยียดให้ผมเป็น ในสิ่งที่ผมไม่อยากเป็นเลย คำพูดเหยียดหยามเป็นเหมือนส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน...

 

ที่เขาทำอย่างนี้กับผม เพราะผมเป็นเด็กกำพร้าใช่ไหม เพราะผมจนใช่ไหม คำถามมากมายที่เกิดขึ้น บางครั้งที่ผมถูกความอยุติธรรมจากสังคมรอบข้างรังแก....เขาเหล่านั้นไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือญาติ คนที่หยิบยื่นคำว่าเด็กกำพร้าให้ คำพูดที่ผมไม่อยากได้ยิน และต้องก้มหน้ายอมรับความเป็นจริง เออ..ใช่ ตูเป็นเด็กกำพร้า

วันที่ 12 สิงหาคม และวันที่ 5 ธันวาคม ทุกปี ดูคนอื่นช่างมีความสุขกับการสรรหาคำมาพรรณนาพระคุณแม่และพ่อ แต่สำหรับเด็กชายคนหนึ่ง ณ มุมอับๆ ของห้องเรียน ผมไม่อยากให้มีวันพ่อและวันแม่เลย เพราะผมไม่รู้จะหาพ่อและแม่ที่ไหนมากราบไหว้ ในยามที่เด็กคนอื่นๆ พาพ่อแม่มาร่วมกิจกรรมที่โรงเรียน แล้วพ่อและแม่ผมอยู่ไหน ตอนนี้ท่านทำอะไรอยู่ จะคิดถึงวันลูกบ้างหรือเปล่า?

ผมคิดถึงตา..คิดถึงพ่อและแม่ คิดถึงทุกๆคนที่เขาดีกับผม โดยที่คนนั้นๆ ไม่จำเป็นต้องเป็นญาติ นี้คือความรู้สึกของเด็กคนหนึ่ง ในช่วงเวลานั้นจริงๆ

แต่ไม่มีใครรู้หรอกว่า ความคิด ความหวัง และความรู้สึกของเด็กชายคนนั้น ที่เกิดมาบนฐานะของความไม่พร้อม ต้องเจออุปสรรคนานัปการ...

“ทุกคนเกิดมาย่อมมีญาติพี่น้องด้วยกันทั้งนั้น” แต่สำหรับผม ญาติไม่ยอมรับ เพราะฐานะเรายากจน ฐานะญาติพี่น้องทางพ่อ ล้วนแล้วแต่เป็นคนมีหน้ามีหน้าในชุมชน ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแล้วเกิดแต่เหตุ แล้วชีวิตผมหละ ใครเป็นต้นเหตุ ...

ความไม่ลงตัวของคนสองคนใช่ไหม? ความไม่เข้าใจกันของคนสองคนใช่ไหม? หรือการร้างลา หรือว่าความจน ผมจะโทษใครดี พ่อแม่ หรือว่าความจน

ความเกลียด ความชัง และความรู้สึกธรรมดา ต่อคนๆหนึ่งๆ ก็เริ่มเข้ามาสัมผัส ในความรู้สึกต่อบุพพการีของตน ผมรู้สึกเฉยๆ ต่อพ่อและแม่ ทุกครั้งที่พ่อและแม่มาเยี่ยม ท่านดุจเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง ที่เดินผ่านไปผ่านมาในชีวิต

ผ่านไปปีแล้วปีเล่า...ความฝันเล็ก ของเด็กชายบ้านนอกคนหนึ่ง ฝัน ที่อยากจะเอ่ยคำว่า พ่อแม่ พร้อมๆกัน คงหาไม่ได้อีกแล้วในชีวิต

ด้วยความที่ฐานะทางบ้านเรายากจน บ่อยครั้งในยามที่ผมเป็นเด็ก ผมแอบอิจฉาเพื่อนๆ ที่เขามีของกินอร่อยๆ เช่น องุ่น ไอติม ขนม สำหรับผม ต้องกินน้ำก๊อกที่โรงเรียน มีบ่อยครั้งที่ผมต้องแอบมาทานข้าวที่บ้าน เพราะไม่มีเงินซื้อกับข้าวที่โรงเรียน

ผมเสียน้ำตาไปกับการสูญเสีย คำว่า ครอบครัว จนทุกวันนี้ น้ำตามันแห้ง.....จนบางครั้ง ความจน และความเป็นเด็กกำพร้า มันทำให้ผมไม่มีญาติพี่น้อง

มีบ่อยครั้ง..ที่ผมไปขอมะม่วงกับญาติฝ่ายพ่อ แต่ได้รับการปฏิเสธ มีบ่อยครั้งที่ผมได้รับการดูถูกเหยียดยามทางสายตา จากผู้คนที่รู้กำพืดของผม

ผมเคยวาดฝันเอาไว้ตั้งมากมาย เมื่อครั้งยังเป็นเด็ก ผมอยากมีบ้าน อยากให้แม่มาอยู่กับผม ไม่อยากให้แม่ต้องไปรับจ้างทำงาน เพื่อต้องมารักษาโรคประจำตัวของตัวเอง เพราะแม่ลำบากมามาก ผมรู้สึกรักแม่มากกว่าพ่อ เพราะแม่เป็นผู้หญิง เป็นผู้ให้กำเนิด แต่แม่ต้องมารับภาระทำงาน ทั้งที่ตัวเองก็ไม่แข็งแรง และมีโรคประจำตัว

ผมไม่เคยรู้....ครั้งหนึ่ง โดยความที่แม่เป็นห่วงผมมาก แม่ส่งเงินทางธนาณัติฝากมาให้ผม 50 บาท เพียงเพราะอยากให้ผมมีเงินซื้อขนม

เงิน 50 บาท ที่หลายๆ คนอาจจะไม่ค่อยเห็นคุณค่า แต่สำหรับแม่ผมแล้ว มันคือหยาดเหงื่อ

บ่อยครั้งที่ชาวบ้านมักจะพูดให้ผมได้ยิน และเก็บคำพูดเหล่านั้น มาเป็นการบ้าน ครุ่นคิดถึงความน้อยเนื้อต่ำใจตัวเอง ว่าทำไมลูกคนเดียวพ่อแม่ถึงเลี้ยงไม่ได้ ทำไมต้องปล่อยให้ผมเติบโตในสังคมที่โหดร้าย

พ่อแม่รู้ไหมว่า ผมยังเด็กนัก และยังไม่พร้อมที่จะเติบโตในสังคมและครอบครัวแบบนี้  
โชคชะตาชีวิตอันโหดร้าย อาจจะไม่เลวร้ายสำหรับคนที่เกิดมาบนฐานะความไม่พร้อมเสมอไป
ความฝันเล็กๆ เริ่มต้น ณ จุดเล็กๆ .... “ผมอยากให้แม่มาอยู่กับผม” ในวันที่ผมมีทุกสิ่งทุกอย่าง
หากย้อนเวลากลับไปได้ ผมอยากให้พ่อแม่ไม่ต้องเลิกกัน มีเหตุผลที่มันดีมากกว่านี้ไหม ที่ไม่ต้องเลิกกัน อยากให้มีตามียาย อยู่เป็นครอบครัวที่อบอุ่น นานมากแล้ว ที่ผมสะกดคำว่า ครอบครัวที่อบอุ่นไม่ถูก แต่มันก็เป็นเรื่องที่ดีๆของใครคนหนึ่ง ทุกครั้งที่ผมหลับตาลง ถึงมันจะอยู่แค่ชั่วขณะฝัน

และแล้ววันหนึ่ง.......เงินก็ไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุด ในการที่จะเรียกร้องสิ่งเหล่านี้ให้คืนมา
ผมอยากให้พ่อและแม่มาอยู่กับผม.....ในยามที่ผมกำลังเจริญเติบโต พร้อมที่จะเป็นผู้นำครอบครัว มันมีค่ามากแค่ไหน สำหรับคนๆหนึ่ง ที่เรียกร้องคำว่า ครอบครัว มาเกือบทั้งชีวิต มีบ่อยครั้ง ที่ผมพูดแทงใจดำ ให้แม่ร้องไห้ ในฐานะที่เคยทอดทิ้งผม ให้เผชิญอยู่ในโลกใบนี้ตามลำพัง ก่อนวัยอันควร บางครั้งผมกลับมีความรู้สึกที่ตัวเองทำถูก ที่ให้พ่อแม่ รู้สึกตัวว่าตัวเองทำผิดเสียบ้าง

บางครั้งความผิดชอบชั่วดีก็ผุดขึ้นมา “หากท่านมีทางและโอกาสให้เลือก ท่านก็คงไม่ทำอย่างนี้”
วันแม่ อดีตที่เคยเป็นวันธรรมดา และเป็นวันที่หดหู่ใจของเด็กชายคนนั้น เริ่มกลับมามีชีวิตอีกครั้ง แต่สิ่งที่อาจขาดหายไปนั่นก็คือ คำว่า พ่อแม่ลูก ที่ทำอย่างไรก็คงไม่มีวันเติมเต็ม ให้กับครอบครัวของผม

ครั้งหนึ่ง ผมเคยเดินทางไปร่วมงานศพคนที่รู้จักกัน มีของกินดีๆมากมาย ตั้งเซ่นเอาไว้ ข้างๆโลง มันทำให้ผมซุกคิดได้ว่า หากของกินเหล่านั้น ผมซื้อให้แม่และพ่อในยามที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ มันจะดีแค่ไหน อย่างน้อยๆ ท่านเคยทอดทิ้งผม แต่สิ่งหนึ่งที่ท่านให้มา ถึงแม้อาจจะเป็นเพราะโชคชะตา แต่ท่านก็ทำให้ผมมีชีวิต ทำให้ได้รู้จักความสวยงามและการต่อสู้ชีวิต ได้รู้จักความลำบาก หรืออาจจะเป็นเพราะผมคงมีบุญเสมอท่าน ที่ได้เกิดเป็นลูกของท่าน

มีอยู่เหตุการณ์หนึ่ง ที่ทุกครั้งที่คิดแล้วไม่สบายใจ...เพราะความโกรธ ผมเคยด่าแม่ ด่าพ่อ
หากต่อนี้ไป....ผมขอประนมมือสิบนิ้ว ก้มกราบ วันแม่ และขอขมา สิ่งที่ผมได้กล่าวล้วงล้ำ หยาบคาย ต่อคุณบิดามารดา และครั้งหนึ่งที่ทำให้แม่ร้องไห้ พ่อแม่ครับ ผมอยากให้พ่อและแม่รู้ว่า

ผมไม่อยากให้พ่อแม่เลิกกัน
อยากให้ตากลับมามีชีวิตอีกครั้งหนึ่ง แล้วผมจะทำหน้าที่เป็นลูกและหลานที่ดี...เท่าที่ผมจะทำได้
อยากหนุนตักแม่ ในยามที่เหนื่อยล้า อยากให้เงินแม่ใช้ ตอนสิ้นเดือน อยากซื้อเสื้อผ้าให้แม่ใส่ หาซื้อของที่แม่ชอบ ให้ทาน

จากนี้ผม ผมขอใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัว และผู้หญิงที่ย่างเข้าสู่วัยชราคนนี้...จนกว่าจะได้ยินเสียงพระสวด กุสะลา ธัมมา.
ฯลฯ
ถึงแม้มันจะเป็นเพียงแค่ความฝันเล็กๆ ของใครอีกหลายๆ คน เพียงเพราะรอคอยโอกาสที่จะลงมือทำ เพียงเพราะ......ไม่มีเวลา...ไม่พร้อม.......ยังต้องทำงาน.......ฯลฯ
แต่จงทำมันซะ.......ก่อนที่ความคิดของคุณจะสาย.....ก่อนที่จะไม่มีพ่อแม่ให้กราบไหว้ อย่าให้มันเป็นเพียงแค่ความฝัน ก่อนที่จะบอกใครต่อใครว่า....หากย้อนเวลากลับไปได้ในตอนนั้น...ผมจะ....เลี้ยงแม่ ดูแลแม่ หาของกินที่แม่ชอบ

ผมไม่รู้ว่าสายไปหรือเปล่า แต่ผมกำลังลงมือทำ ในสิ่งที่ผมเคยทำผิดมา........

 

บทความนี้ แก้ไขปรับปรุงใหม่โดยคนเขียนคนเดียวกัน

ความคิดเห็น
jumbojung profile jumbojung
ขอบคุณสำหรับบทความและคำเตือนสติที่ดีครับ
ขอบคุณสำหรับชีวิตคุณพงษ์ประภากรณ์ที่เป็นแรงบัลดาลใจในการดำเนินชีวิตของผมครับ


 

ประกาศล่าสุดในบอร์ดเดียวกัน

10 ปีที่ผ่านมา
guest Icon อยากไปเรียน นวด ที่อินเดีย 1 อ่าน 4,617 13 ปีที่ผ่านมา
13 ปีที่ผ่านมา
13 ปีที่ผ่านมา
Phindia Icon บังเอิญเกิดเร็ว (ไปหน่อย) 29 อ่าน 14,587 13 ปีที่ผ่านมา
13 ปีที่ผ่านมา
Phindia Icon เสียดายคนหูหนวกไม่ได้ฟัง 1 อ่าน 7,212 13 ปีที่ผ่านมา
13 ปีที่ผ่านมา
Phindia Icon เงื่อนไขของชีวิต? อ่าน 4,220 13 ปีที่ผ่านมา
13 ปีที่ผ่านมา
13 ปีที่ผ่านมา
13 ปีที่ผ่านมา
Phindia Icon ผี ฝาโลง คนตาย..คนเป็นๆ 1 อ่าน 4,120 13 ปีที่ผ่านมา
13 ปีที่ผ่านมา